ยุคของ IoT มาแล้ว

ยุคของ IoT มาแล้ว

ดิจิตอลและเทคโนโลยี

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

257 week ago — ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

หลายคนคงเคยได้ติดตามเรื่องของ IoT หรือ Internet of Things กันมาบ้าง และหลายคนก็เคยได้ใช้งานเทคโนโลยีนี้กันมาแล้ว เพราะตอนนี้เทรนด์ของการใช้อุปกรณ์ IoT มีให้เห็นมากมายหลายตัวเนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาที่ถูกลงและสามารถซื้อหาได้ง่ายกว่าเดิม

 

ทุกวันนี้อุปกรณ์หลายอย่างภายในบ้านสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ประตูบ้าน ฯลฯ ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังเรียกได้ว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

 

ขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า IoT หรือ Internet of Things คืออะไร IoT ก็คือการที่ทำให้ทุกอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เราใช้สามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเชื่อมต่อกันนี้คือการที่สามารถรับส่งข้อมูลถึงกันได้ ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เหมือนมีสมองและมี ID ของตัวเอง เพราะสามารถสั่งการทำงานถึงกันได้

 

มนุษย์สามารถพูดคุยกับอุปกรณ์ภายในบ้านให้ทำงานได้ผ่านอุปกรณ์ไอทีที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือสมาร์ทวอช ฯลฯ ที่สำคัญคือจากสถานที่ไหนก็ได้ (ขอให้มีอินเทอร์เน็ตก็แล้วกัน)

 

หลาย ๆ เทรนด์ในปีนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของ IoT ส่วนหนึ่งจะมาจากการมาของ 5G นี่แหละ นอกจากเรื่องของสมาร์ทโฮมที่เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้อัจฉริยะขึ้น IoT,  AI และ Big Data ยังเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม

 

แล้ว IoT มีความหมายอย่างไรต่อ SMEs

ปีนี้คาดการณ์ว่า IoT จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ในทุก ๆ ที่ตั้งแต่ที่บ้าน บนท้องถนน จนถึงที่ทำงาน อุปกรณ์ต่าง ๆ จะเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ในแง่การเปลี่ยนแปลงต่อการทำธุรกิจก็เช่นเดียวกัน IoT จะส่งผลเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างรวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคด้วย

 

จากงานสัมมนา ASEAN Sei-katsu-sha Forum 2019 ครั้งที่ 5 “HILL ASEAN” (Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN) ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี IoT นั่นคือ

 

  • การก้าวข้ามจากแค่หน้าจอมาสู่อุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยการฝังเซนเซอร์ให้สามารถเชื่อมต่อถึงถึงกันได้กว้างขวางมากขึ้น เช่น รถยนต์ไร้คนขับ สมาร์ทซิตี้ อุปกรณ์สมาร์ทโฮมต่าง ๆ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์และมีการเก็บข้อมูลโดยทันที จึงทำให้แบรนด์สามารถมีข้อมูลที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมหาศาล

  • มีข้อมูลของแต่ละบุคคล ด้วย IoT นั้นสามารถมอนิเตอร์ ควบคุม และวิเคราะห์การใช้งานของอุปกรณ์ รวมถึงปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละบุคคลได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ ทั้งหมดสามารถทำงานโดยอัตโนมัติ และจะได้ข้อมูลที่เป็นพฤติกรรมต่าง ๆ ของแต่ละบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งจะถูกรวบรวมจากทุกอุปกรณ์ไว้เป็น 1 ID

  • ให้คำแนะนำเฉพาะคน เมื่อมีชุดข้อมูลของแต่ละบุคคลเกิดขึ้น AI จะวิเคราะห์และคาดการณ์ถึงความต้องการของแต่ละคนได้ จนสามารถให้คำแนะนำและนำเสนอสินค้าหรือบริการได้โดนใจมากขึ้น โดยที่คนคนนั้นไม่จำเป็นต้องค้นหาหรือเปรียบเทียบด้วยตัวเอง

 

การเปลี่ยนแปลดังกล่าวยังอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เปลี่ยนไปคือ

  1. ผู้บริโภคจะเลิกเบื่อกับวิถีเดิม ๆ แต่จะสนุกมากขึ้น เพราะ IoT และ AI จะมาช่วยให้กิจกรรมต่าง ๆ ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยในการนำเสนอและการตัดสินใจเลือกทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

  2. ผู้บริโภคไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเอง เพราะจะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด ด้วยการสะสมข้อมูลจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้  IoT และ AI จะทำการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และกลั่นกรองสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการที่สุดมานำเสนอ ณ เวลานั้น ๆ จึงช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้นมาก

 

IoT ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมาก SMEs อย่างเราจึงไม่ควรที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ งานนี้ใครที่เตรียมพร้อมได้เร็วกว่าย่อมได้เปรียบกว่าอย่างแน่นอน

 

Comments (2)