สร้าง Brand Awareness และ Conversion ให้กับธุรกิจไปพร้อมกัน

สร้าง Brand Awareness และ Conversion ให้กับธุรกิจไปพร้อมกัน

Branding & PR

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

250 week ago — 4 min read

 

ในยุคปัจจุบัน ที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกพื้นที่ และผู้บริโภคใช้เวลาไปกับสมาร์ทโฟน มากกว่าทีวี เมื่อพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป การทำการตลาดออฟไลน์แบบเดิม ๆ ไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้แล้ว แบรนด์น้อยใหญ่จึงต้องปรับตัว หันมาทำการตลาดออนไลน์กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ประหยัดกว่าเดิม ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแพร่หลายในระยะเวลาที่สั้น

 

แต่ในการทำแคมเปญโฆษณาออนไลน์นั้น ก็ต้องมีการวางแผนที่ดีเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการสร้าง Awareness ให้คนรู้จักแบรนด์อย่างเดียว แต่ต้องนำไปสู่การเก็บ Conversion ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการหา Lead หรือข้อมูลของลูกค้าที่สนใจ เพื่อให้ฝ่ายขายติดต่อกลับไปปิดการขาย หรือได้ Sales ในท้ายที่สุด เพราะการสร้าง Awareness หรือเน้นสร้างแบรนด์อย่างเดียวแต่ขายไม่ได้ ธุรกิจก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรให้ได้ Awareness และ conversion ไปพร้อม ๆ กัน

 

การสร้าง Brand Awareness ให้ได้ Conversion

 

หลายคนเข้าใจว่าในการทำการตลาด Awareness กับ Conversion เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นต่างช่วงเวลา ต้องแบ่งเป็นขั้นตอนเหมือน Marketing Funnel คือเริ่มจากฐานหรือการสร้าง Awareness ก่อน เช่น การทำ Content ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้า แล้วถึงจะทำ Content อีกอันนึงตามไป เพื่อให้เกิด Conversion หรือการขายตามมาทีหลัง

 

แต่ในการทำธุรกิจในยุคดิจิตัลนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การสร้าง Awareness กับ Conversion อาจห่างกันเพียงไม่กี่วินาที ประกอบกับผู้ประกอบการรายย่อยอาจจะไม่ได้มีเวลาทำตามขั้นตอนได้ขนาดนั้น เพราะการทำธุรกิจก็มีค่าใช้จ่ายอยู่ตลอดเวลา ทำอย่างไรให้ Awareness กับ Conversion สามารถอยู่รวมใน Content เดียวกันได้

 

  • สร้าง Content ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง Content ที่นำเสนอสินค้าและบริการ จะไม่มีผลกับกลุ่มเป้าหมายเท่าที่ควร หากไม่ได้ทำให้พวกเขาเห็นว่ามันเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างไรกับพวกเขา เราต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นภาพได้ชัดที่สุดว่า สินค้าและบริการของเราเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา และจะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร ฉะนั้นในการสร้าง Content ของแบรนด์ขึ้นมานั้น เราจะโฟกัสไปที่ Benefit ที่ผู้บริโภคจะได้รับ มากกว่าฟีเจอร์ที่สินค้ามี ตัวอย่างเช่น “สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ A มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh” กับ “สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ A ช่วยให้คุณรับชมวิดีโออย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 5 ชั่วโมง” จะเห็นว่าอย่างหลังนำเสนอสินค้าว่าให้ประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายอย่างไร จาก Insight ที่กลุ่มเป้าหมายต้องการสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่อึดและทน สามารถใช้งานได้นาน

 

  • นำเสนอแบรนด์อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ลูกค้าเห็นภาพที่ชัดเจน เมื่อเราเขียนโฆษณาถึงแบรนด์ของเรา เช่น “เราเป็นแบรนด์ที่ให้บริการดีที่สุด” หรือ “เราตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่สุด” เมื่อลูกค้าอ่านแล้วก็คงไม่เห็นความแตกต่างอะไรระหว่างแบรนด์เรากับแบรนด์อื่น เพราะข้อความนี้เป็นข้อความขายของทั่ว ๆ ไป และยังไม่ทำให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนว่าแบรนด์ของเรามีดีอย่างไร ทำไมถึงต้องใช้แบรนด์เรา ลองเปลี่ยนข้อความเป็น “เราเป็นแบรนด์ที่ให้บริการดีที่สุด ที่ผู้ใช้กว่า 500,000 คนพึงพอใจและบอกต่อ” หรือการมีรางวัลหรือตัวเลขมาการันตี ก็จะทำให้ลูกค้าเห็นภาพได้มากขึ้น และดูจับต้องได้มากขึ้น

 

  • สร้าง Call to Action เป็นตัวช่วย Lead ลูกค้า เช่น ในการสร้างโพสต์โฆษณาบน Facebook Ad Manager มีปุ่ม Call to action หลากหลายแบบให้เลือกใช้ เช่น Call Now, Message Now หรือ Shop Now และทันทีที่กลุ่มเป้าหมายเห็นมัน ก็จะได้ทั้งข้อมูลและนำไปสู่ Conversion ได้ทันที

 

  • ทำ Remarketing หากว่าเรามีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว เราสามารถใช้ฐานลูกค้าที่มีเป็นกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาเมื่อเราออกสินค้าใหม่ได้ ทำให้เราไม่ต้องเริ่มใหม่จาก 0 เพราะคนกลุ่มนี้มี Awareness กับแบรนด์ของเราอยู่แล้ว

 

เป้าหมายของการทำการตลาดก็คือ Conversion อย่างใดอย่างหนึ่ง และในยุคนี้ก็มีเครื่องมือหลากหลายให้เลือกใช้ ที่เราจะสามารถสร้างทั้ง Awareness และ Conversion ไปพร้อมกันโดยไม่ให้เสียเวลา

 

 

Comments