Remarketing: ประโยชน์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและเครื่องมือการทำที่น่าใช้

Remarketing: ประโยชน์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและเครื่องมือการทำที่น่าใช้

Marketing

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

237 week ago — 8 min read

 

Mark Twain กล่าวไว้อย่างถูกต้อง “สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้ใหญ่ได้ด้วยประเภทของการโฆษณาที่เหมาะสม”

 

คำกล่าวนี้น่าจะถูกกล่าวไว้ในราวศตวรรษที่ 18 แต่ดูจะก้าวหน้าราวกับอยู่ในศตวรรษที่ 21 และนักการตลาดทั่วโลกได้นำมาใช้เป็นกลยุทธ์การโฆษณาขั้นสูงสุด ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร้านค้าอีคอมเมิร์ซรักษาลูกค้าที่มีคุณค่าไว้ได้ แต่ยังจะเพิ่มยอดขายให้แบบก้าวกระโดดอีกด้วย!

 

ในบทความนี้จะได้เรียนรู้:

  • รีมาร์เก็ตติ้งคืออะไร

  • รีมาร์เก็ตติ้งประเภทต่างๆ

  • ประโยชน์ของรีมาร์เก็ตติ้งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง

  • เครื่องมือและแพลตฟอร์มสำหรับรีมาร์เก็ตติ้ง

 

มาทำความเข้าใจว่ารีมาร์เก็ตติ้งคืออะไร

 

1. รีมาร์เก็ตติ้งคืออะไร

รีมาร์เก็ตติ้งเป็นกลยุทธ์ง่าย ๆ ในการกำหนดเป้าหมายลูกค้าเฉพาะที่เข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ แต่ไม่ได้ทำการซื้อ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการดึงลูกค้าที่แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณกลับมา วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำคือใช้โฆษณาแบบรีมาร์เก็ตติ้ง

 

วิธรการทำงานของโฆษณาแบบรีมาร์เก็ตติ้งค่อนข้างง่าย เมื่อลูกค้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณเป็นครั้งแรกคุกกี้ (ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ของคุณ) - ซึ่งเป็นไฟล์เล็ก ๆ ที่เก็บจะข้อมูลผู้ใช้ - ฝังไว้ในเบราว์เซอร์ของลูกค้า จะบันทึกผลิตภัณฑ์และบริการที่เคยเรียกดู จำนวนหน้าที่เข้าชม ระยะเวลานานที่พวกเขาจะอยู่บนหน้านี้ และรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมาย (แต้ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล) ตอนนี้เมื่อลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์อื่น คุกกี้ที่เก็บไว้ในเบราว์เซอร์ก็จะเริ่มแสดงโฆษณาจากการรีมาร์เก็ตติ้งตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มโฆษณา

 

มีการสำรวจที่น่าสนใจโดย CMO พบว่า 25% ของผู้เข้าชมเพลิดเพลินกับการดูโฆษณารีมาร์เก็ตติ้งในหน้าเว็บที่พวกเขากำลังเรียกดู ส่วน 28% ของผู้บริโภคกล่าวว่าโฆษณารีมาร์เก็ตติ้งช่วยนำทางให้พวกเขาไปยังเว็บไซต์ที่พวกเขาตั้งใจจะไปเยี่ยมชมได้อย่างง่ายดาย และผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายอีก 70% มีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของคุณผ่านโฆษณานั้น นี่มันคือกำไรก้อนโตทีเดียว และใครบ้างจะไม่อยากได้พายชิ้นใหญ่ชิ้นนี้

 

2. รีมาร์เก็ตติ้งประเภทต่างๆ

ต่อไปนี้คือการรีมาร์เก็ตติ้งในประเภทต่างๆ:

 

  • โฆษณาสำหรับลูกค้าที่ได้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณแล้ว: เมื่อมีคนเข้าเยี่ยมชมร้านค้าออนไลน์ ค้นหาผลิตภัณฑ์และเห็นข้อเสนอของคุณแต่ออกไปโดยไม่ซื้ออะไรเลย คุณสามารถตั้งค่าโฆษณาเฉพาะสำหรับลูกค้ารายนี้โดยใช้แพลตฟอร์มโฆษณาต่าง ๆ ที่จะกล่าวถึงต่อไปในบทความนี้

  • Email remarketing: รีมาร์เก็ตติ้งอีเมลมักจะเกิดจากการทำแคมเปญทางอีเมลซึ่งทำได้ค่อนข้างหลากหลาย และสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า คุณสามารถพัฒนาการรับรู้แบรนด์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าโดยใช้วิธีอีเมลมาร์เก็ตติ้งได้เลย

  • Search retargeting: การทำรีทาร์เก็ตติ้งจากการค้นหาของลูกค้าผ่านเสิร์ชเอนจิ้น โดยอาศัยคำหลักที่ลูกค้าเคยค้นหาเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปเจอหน้าเว็บของคุณ

  • Remarketing list search ads: การส่งโฆษณาเฉพาะไปถึงแต่ละบุคคล เช่น คนที่เคยยกเลิกรายการในรถเข็น เคยซื้อสินค้าในบางหมวดหมู่ เคยซื้อบางผลิตภัณฑ์ไปแล้ว เคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างน้อย 3 นาที ฯลฯ คนที่เคยทำกิจกรรมเหล่านี้เราสามารถสร้างเป็นรายชื่อสำหรับการทำรีมาร์เก็ตติ้งตามความต้องการของธุรกิจหรือตามกลยุทธ์ได้

  • Video remarketing: คุณยังสามารถแสดงโฆษณารีมาร์เก็ตติ้งของคุณบน YouTube ได้

  • Shopping remarketing: ทำช็อปปิ้งรีมาร์เก็ตติ้งสำหรับลูกค้าที่เคยเข้ามาชม / ทำการซื้อบนเว็บไซต์ของคุณ กลยุทธ์นี้สามารถแสดงส่วนลดและข้อเสนอพิเศษสำหรับพวกเขาได้

 

3. ข้อดีที่สุด 3 ข้อของรีมาร์เก็ตติ้ง

เจ้าของและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กที่ยังใหม่กับการทำการตลาดออนไลน์มักเจอปัญหาคือ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าระลึกถึงแบรนด์ของคุณได้ คำตอบของปัญหานี้คือต้องมีการทำรีมาร์เก็ตติ้ง มาทำความเข้าใจว่าเครื่องมือที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพนี้มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างไรบ้าง

 

  • รีมาร์เก็ตติ้งมีประสิทธิภาพสูงมาก: รีมาร์เก็ตติ้งจะกำหนดเป้าหมายเฉพาะไปที่ลูกค้าที่คุณต้องการแสดงโฆษณาให้เห็นเท่านั้น วิธีนี้ทำให้คุณเข้าถึงเป้าหมายโดยไม่ต้องเสียเงินมากมายอย่างที่เคย

  • รีมาร์เก็ตติ้งช่วยเพิ่มการมองเห็นให้คุณ: อาจมีหลายสาเหตุที่ทำให้ลูกค้ายังไม่ตัดสินใจอะไรในการเยี่ยมชมครั้งแรก อาจเป็นเพราะยังต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่สนใจ พวกเขาอาจมีเวลาไม่มากหรือจำเป็นต้องออกจากหน้าเว็บ หรือต้องการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์และข้อเสนอของคุณกับเว็บไซต์อื่นแล้วจึงตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด รีมาร์เก็ตติ้งจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เนื่องจากโฆษณาของคุณจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอทุกครั้งที่เปิดเว็บไซต์ และสิ่งนี้จะเป็นการช่วยเตือนให้ลูกค้ากลับมาทำการสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ของคุณให้เสร็จสิ้น

  • รีมาร์เก็ตติ้งเพิ่มยอดขายของคุณ: ดังกล่าวข้างต้นการใช้รีมาร์เก็ตติ้งจะช่วยให้คุณสามารถตั้งเป้าในการสั่งซื้อของลูกค้าได้สำเร็จเกือบ 70% เพราะยิ่งพวกเขาเห็นโฆษณามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยแก้ 'ปัญหาการสั่งซื้อที่ยังไม่สำเร็จ' ได้อย่างดี

 

4. แพลตฟอร์มที่คุณสามารถทำรีมาร์เก็ตติ้งได้

มีเครื่องมือที่แตกต่างกันที่คุณสามารถทำแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งได้ ต่อไปนี้เป็นแพลตฟอร์มที่นิยมใช้บ่อยที่สุด:

 

Google Ads: คุณเองอาจกำลังทำโฆษณาบน Google อยู่แล้ว ในกรณีนี้ก็แค่เพิ่มโค้ดของ Google remarketing ที่เรียกว่า tag หรือ pixel ลงในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้มีการติดตามผู้เข้าชมทั้งหมดของคุณโดยใช้คุกกี้ในเว็บไซต์ การใช้ Google remarketing ads ทำให้สามารถจำกัดกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงเท่าที่คุณต้องการและเป็นการลด cost per click ให้ได้

Retargeting.biz: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Retargeting.biz ช่วยเพิ่มยอดขายของคุณด้วยโฆษณาแบบไดนามิกที่ทั้งตรงเป้าหมายและมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น แพลตฟอร์มนี้ยังครอบคลุมการจัดการโฆษณาใน Google, Facebook และแม้แต่การทำ email marketing

Adroll: คุณสามารถทำโฆษณาของคุณโดยใช้แคมเปญนี้แคมเปญเดียวได้เลย คือใช้แคมเปญเดียวเพื่อส่งโฆษณาของคุณไปยัง Facebook, Google และโฮสต์ของเว็บไซต์อื่น ๆ แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของนักช้อปได้ดีขึ้น ให้ข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงแคมเปญด้วย และช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น

SmarterHQ: มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า มันช่วยให้คุณสามารถมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบรายบุคคลให้กับลูกค้าของคุณได้

Facebook ads: เนื่องจากมีจำนวนคนใช้ Facebook เป็นประจำทุกวัน ดังนั้น Facebook จึงเป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในการแสดงโฆษณาของคุณต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า Facebook Pixel จะช่วยติดตามลูกค้าของคุณหลังจากที่พวกเขาออกจากหน้าโฆษณา การตั้งค่า audience แบบ custom  หรือกำหนดเองจะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

Retargeter: นักการตลาดทุกวันต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันเมื่อพูดถึงพฤติกรรมของลูกค้า ไม่จำเป็นเสมอไปว่าต้องมีแค่แคมเปญเดียวสำหรับลูกค้าทั้งหมด แต่ละแคมเปญสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าของคุณได้

Perfect Audience: แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้สามารถติดตามผู้ที่เคยเข้าเยี่ยมชมหน้าเว็บของคุณมาก่อนหน้านี้ Perfect Audienceช่วยให้การยิงโฆษณาในสื่อต่าง ๆ เช่น Facebook, Goggle, Twitter, โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เครื่องมืออันทรงพลังนี้จะช่วยติดตามสิ่งที่จะสร้างของรายได้และมอบคำสั่งซื้อให้คุณ เป็นสิ่งที่นักการตลาดทุกคนควรมี

Fixel: เครื่องมือนี้ทำงานบนความคิดที่ว่า "ผู้เข้าชมบางคนมีค่ามากกว่าคนอื่น ๆ " Fixel เป็นเครื่องมือที่ใช้ AI เป็นพื้นฐาน จะศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคนอย่างชาญฉลาด และช่วยให้วางแผนแคมเปญโฆษณาสำหรับลูกค้าคนนั้น ๆ ได้อย่างดี

Criteo: แพลตฟอร์มนี้เป็นอีกเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างยอดขายเพิ่มได้โดยใช้หลักง่าย ๆ คือ มีความสนใจ-มีทราฟฟิก-มียอดขาย Criteo เปิดเผยว่าแพลตฟอร์มนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 13% สำหรับทุกโฆษณาที่ใช้ ใช้ได้ทั้งนักการตลาด แบรนด์ และร้านค้าปลีกทุกขนาด

 

การตลาดมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเครื่องมือรีมาร์เก็ตติ้งเหล่านี้ทำให้เกิด conversions ง่ายขึ้นมาก ในฐานะสตาร์อัพหรือเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซขนาดเล็กสามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสมและความต้องการของคุณ

 

 

Comments