ผูกขาด

ผูกขาด

สุขภาพและไลฟ์สไตล์

วรพจน์ พันธ์ุพงศ์

วรพจน์ พันธ์ุพงศ์

308 week ago — ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

Highlight: การผูกขาดในโลกนี้มี 2 อย่าง คือ ผู้อื่นเป็นคนผูก กับตัวเราเองที่เป็นคนผูก คุณว่าจริงไหม?

 

โดย คุณวรพจน์ พันธุ์พงศ์

 

มี.. ยังมีอยู่พอสมควร ธุรกิจที่ผูกขาด แม้ในโลกปัจจุบันที่ควรผลักดันทุกสิ่งทุกอย่างสู่คำว่า ‘เสรี’

ไม่ว่าความหมายในทางการเมืองหรือธุรกิจ การผูกขาดคือสิ่งที่ควรสูญพันธุ์ไปนานแล้ว มันน่ารังเกียจ มันป่าเถื่อน ใจร้าย ทำลายเพื่อนมนุษย์

โลกแปลว่าความหลากหลาย โลกแปลว่าต้องมีทางเลือก

ชีวิตที่ดีคือการเลือกได้ ใช่--ชีวิตแปลว่าอิสรภาพ

ผมคิดแบบนี้ ผมเขียนแบบนี้ แต่กับบางเรื่องก็เป็นผมอีกนั่นเองที่มีวัตรปฏิบัติแบบผูกขาด

อาจไม่ใช่ผมหรอก น่าจะเป็นเพราะเขามากกว่า

 

จ๊อกเป็นผู้ชายผอมๆ สูงราวสักร้อยเจ็ดสิบ ชอบกินเบียร์ ติดบุหรี่ แต่งตัวเรียบง่ายสามัญตามยูนิฟอร์มโรงงาน ไว้ผมยุ่งและยาวเกินบุคลิกคนเป็นเจ้าของธุรกิจ

ผมรู้จักเขาจากการเอาหนังสือไปพิมพ์ เมื่อราวสัก 6-7 ปีที่ผ่านมา ที่จริง ‘บางลำพู’ เคยพิมพ์กับเจ้าอื่นมาก่อน พิมพ์เล่มเดียวและเลิก เพราะส่งของไม่ครบ ต้องไล่ตามทวงถาม ถึงได้ของตามข้อตกลง

เรื่องราคา โรงพิมพ์ของจ๊อกแพงกว่าเจ้าก่อน ฟังว่าสำนักพิมพ์อื่นๆ ก็มองเห็นประเด็นนี้ หลายคนรับรู้ว่าค่าพิมพ์ที่จ๊อกวางบิลมาไม่ได้เย้ายวนหอมหวาน แต่ก็เหมือนผม เมื่อผ่านการร่วมงานกับจ๊อก เมื่อเราเอาหนังสือไปให้เขาพิมพ์ เจ้าอื่นก็เป็นอดีตและจะไม่มีอนาคตกับใครอีก

พิมพ์กับจ๊อกแล้วเราไปพิมพ์ที่อื่นไม่ได้ เปลี่ยนใจไม่ได้

เขามีปืนหรือ นั่นสินะ --เขาขับรถถังมาปิดล้อมฉีกทึ้งอิสรภาพของผมหรือ..

เปล่าเลย

เขียนหนังสือเสร็จ ผมโทรฯ หาเขา (ข้ามขั้นตอนดีลกับเซลส์ไปดื้อๆ) แจ้งวันเวลา ระบุสเป็ก จำนวนหน้า แทบไม่ถามราคาเลยด้วยซ้ำ เขาว่าเท่าไรก็เท่านั้น

“พี่ว่างเมื่อไร ไว้กินเบียร์กัน” บางทีเขาพูดแบบนี้ หลังตกลงธุรกิจเรียบร้อยซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่เกินสองนาทีหรอก

ไม่ใช่ปืนและรถถัง แล้วถามว่าเบียร์ใช่ไหมที่เป็นบันไดสู่การผูกขาด

อาจจะใช่ แต่มันเป็นเหตุผลที่เบาบางเกินไป และถ้าใครเอาเบียร์เป็นตัวตั้งในการทำธุรกิจก็น่าจะหาเวลาไปพบแพทย์โดยเร็ว

สติสตางค์ของคุณกำลังมีปัญหา วิจารณญาณชำรุด

ผมกินเบียร์กับจ๊อกจริง แต่รู้จักกันมาเกินห้าปี น่าจะเคยกินราวสักสามครั้ง เฉลี่ยปีเศษๆ เกือบสองปีต่อการพบปะในวงสุราหนึ่งครั้ง ครับ.. เบาบาง ห่างเหิน และไม่ใช่เหตุผล

แล้วอะไรทำให้ร่วมงานกับเขาแล้ว เราเปลี่ยนใจไม่ได้ นอกใจก็ไม่ได้

แน่นอน, คุณภาพงานคือจุดแข็ง เมื่อทำงานเราก็ต้องใส่ใจที่ชิ้นงาน จ๊อกเป็นลูกชายเจ้าของโรงพิมพ์ เขาเป็นเจเนอเรชั่นที่สองที่เข้ามาสานต่อภูมิปัญญาจากคนรุ่นพ่อ ประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพเหลือเฟือ ข้อนี้เราไม่ต้องกังวล

ผมเชื่อว่าเจ้าอื่น หรือที่อื่นๆ ก็มีความสามารถการผลิตไม่ด้อยกว่า กระทั่งเงื่อนไขราคาอาจถูกกว่า

ถ้ามองเพียงคุณภาพและราคา เราอาจโยกย้าย เปลี่ยนใจไปจูงมือคนอื่นได้ ในบางค่ำคืนที่อาจเพ้อฝันและมองเห็นดาวดวงใหม่

ถามต่อ--ว่านอกจากคุณภาพและราคา มีสิ่งอื่นอีกหรือที่มนุษย์พึงคำนึง เมื่อทำธุรกิจ ?

ผมเพิ่งมาคิดในภายหลัง ถามตัวเองว่าทำไมถึงอยากร่วมงานกับจ๊อกไปเรื่อยๆ คำตอบมีสองสามประการ คือหนึ่ง, เขาเป็นคนคุยตรงๆ ง่ายๆ ตัดสินใจรวดเร็ว ไม่มีลูกเล่นซับซ้อน สอง, กล้าได้กล้าเสีย ในวงเล็บว่า ‘ได้’ นี่ผมว่าก็ไม่เท่าไร แต่เรื่อง ‘เสีย’ เขากล้าหยิบยื่น นำเสนอ วัดใจ วัดดวง คิดเอาเองว่าบุคลิกเช่นนี้หลายครั้งของการดีลธุรกิจ ‘เสีย’ นั้นคือความสูญเสีย ความเสียหาย ได้ไม่คุ้มลงทุน แต่เขาไม่เข็ด ไม่เปลี่ยน ธรรมชาติเขาเป็นคนกล้าแลก พร้อมลอง พร้อมเผชิญภูเขาและขวากหนามใหม่ๆ สาม, เขาเป็นคนทำธุรกิจที่เสพศิลปะ เสพและซื้อ เลยเถิดกระทั่งมีไอเดียยกงานศิลปะที่สะสมไปติดตั้งในโรงงาน ให้คนงานได้ร่วมสัมผัสชื่นชม จ๊อกอ่านหนังสือ รักวรรณกรรม รู้ข่าวสารความเป็นไปของบ้านเมืองพอๆ กับอาจารย์มหาวิทยาลัย

ที่น่าสนใจ ประเด็นไหนที่สำคัญแหลมคม เขากล้ายืนยันความคิดและร่วมอุดมการณ์ อาจไม่ได้หาญกล้าท้าทายแสดงตัวอยู่แถวหน้า แต่มองไปเมื่อไรก็เห็น

อย่างสั้นๆ ผมชอบที่เขามีใจ ให้ใจ และมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราให้ค่า

 

โลกนี้มีการผูกขาดอยู่สองชนิด อย่างแรก ผู้อื่นเป็นคนผูก อย่างหลัง เราจงใจผูกมัดมันขึ้นมาด้วยมือตัวเอง

อย่างแรก คือความบัดซบเลวทรามในโลกสมัยใหม่

อย่างหลัง คือดอกไม้ที่ประดับประดาสองข้างทางเดินชีวิต.

 

Comments